10 เหตุผลที่ทำให้อยากเรียนดำน้ำ
อะไรที่ทำให้เราอยากดำน้ำ?
เราเคยเล่นกีฬาเกือบทุกอย่างตอนอยู่มัธยมปลาย โดยเฉพาะบาสเก็ตบอล แต่พอเริ่มขึ้น ม.5 เราเริ่มปวดหลังหมอก็เลยให้หยุดกีฬาทุกอย่าง ยกเว้นว่ายน้ำ เพราะว่ายน้ำดีต่อการบริหารหลัง เราก็เริ่มว่ายน้ำเป็นประจำ จนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย ช่วงที่เรียนมหาลัยก็ชอบท่องเที่ยวทะเล ดำน้ำตื้นตามที่ต่างๆ จนเราคิดว่าเราอยากลงไปดูข้างล่างแล้ว อยู่ข้างบนมันเหมือนๆ กันหมดทุกที่ แล้วความอยากดำน้ำลึกก็บังเกิดค่ะ
เราลองค้นหาดูรูปใต้น้ำต่างๆ นานา ก็ทำให้เราอยากดำน้ำลึก แต่ว่ามันแพงค่ะ สำหรับนักศึกษาสมัยนั้น ค่าเรียนดำน้ำคอร์สละเป็นหมื่น ออกทริปแต่ละทีก็เป็นหมื่น แม่เจ้าโว้ย แล้วเมื่อไหร่จะได้เรียนล่ะเนี่ย
ในที่สุดหลังจากเราเรียนจบมหาลัย ทำงานเก็บเงินสักพัก เดินเจอแพ็คเกจคอร์สดำน้ำลึกราคาไม่ถึงหมื่น ก็เหมือนกิ้งก่าได้ทอง กระโจนเข้าหาทันที ชวนเพื่อนที่ว่ายน้ำงูๆ ปลาๆ มาเรียนด้วยกัน หลังจากผ่านการเรียนทฤษฎี และฝึกฝนทักษะการใช้อุปกรณ์ในสระ 2 วัน เราก็ไปออกทะเลที่พัทยา จำได้ว่าการลงไปนั่งที่ทรายก้นทะเลเป็นครั้งแรกนั้น ทำให้เรารู้สึกว่า ในที่สุดเราก็สามารถลงมาอยู่ใต้น้ำได้ หลังจากรอเวลานั้นมา 4 ปี
ตอนอยู่ใต้ทะเลครั้งแรกนั้นตื่นเต้นมากค่ะ กลัวว่าจะทำทักษะตามที่เรียนมาในสระไม่ได้ เพราะวันนั้นครูจะให้เราทำทักษะให้ดู ถือว่าเป็นการสอบปฏิบัติภาคทะเล แล้วในที่สุด ด้วยความตั้งใจ เราก็ทำสำเร็จจนได้ ดำน้ำ 2 วัน รวม 4 ไดฟ์ (ลงน้ำแต่ละครั้งจะเรียกว่า 1 ไดฟ์) ได้บัตรดำน้ำมาสมใจอยาก
ถึงตอนนี้เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่สนใจจะเรียนดำน้ำ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง หรือยังหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ ติดข้ออ้างสารพัดอย่าง มาดูกันซิว่า เหตุผลข้างล่างนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนใจไปดำน้ำได้รึยัง
ดำน้ำดีต่อใจยังไงกัน?
1.ดำน้ำช่วยรักษาอาการอกหักได้จริงๆนะ
ข้อนี้เราพิสูจน์มาด้วยตัวเอง และเห็นลูกศิษย์เรา และเพื่อนดำน้ำอีกหลายๆ คนที่หันมาดำน้ำเพราะอกหัก ไม่รู้จะทำอะไรให้หายฟุ้งซ่านซะที ก็เลยมาลองดำน้ำดู เออ…มันหายจริงๆ ด้วย ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะคุณจะได้อยู่กับตัวเอง 100 % เต็มๆ ในขณะดำน้ำไงล่ะ ได้ยินเสียงหายใจตัวเอง ต้องมีสมาธิกับตัวเอง เพราะอยู่ใต้น้ำเราจะต้องรักตัวเองมากที่สุด เพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แล้วสมาธิก็จะบังเกิด
คุณจะค้นพบว่าหลังจากเวลาใต้น้ำผ่านไป 45 นาที นั้น อาจเป็น 45 นาทีแรกที่คุณไม่ได้คิดถึงแฟนเก่าคุณอีกต่อไป แล้วคุณจะรักตัวเองมากขึ้น ดังนั้นคุณจะอยากลงน้ำครั้งต่อไปอีก เพื่อที่ได้มีสมาธิ และทำให้ลืมแฟนเก่าได้ในที่สุด
2. ดำน้ำช่วยให้หลายๆ คนหายกลัวน้ำ
นักเรียนคนแรกของเราเป็นสัตวแพทย์อายุ 35 ปี กลัวน้ำเป็นที่สุด พี่เค้าสูงแค่ 155 ซม. ตัวเล็กนิดเดียว แต่เคยจมน้ำตอนเด็กๆ ก็เลยติดอาการกลัวน้ำมาตั้งแต่เด็ก และว่ายน้ำไม่เป็น ไม่สามารถเอาหัวจมลงไปใต้น้ำที่สระเด็กซึ่งสูงเพียง 2 เมตร ได้ บอกเลย สอนให้คนที่กลัวน้ำ หรือว่ายน้ำไม่เป็นให้ดำน้ำได้นี่ไม่ง่ายเลย ต้องใช้ความพยามยามอย่างมากในการที่จะทำให้นักเรียนศรัทธาในตัวเรา และศรัทธาในตัวเค้าเองที่จะลงไปใต้น้ำแล้วอยู่ได้ แต่ทุกอย่างเราเชื่อว่าเป็นไปได้
เมื่อนักเรียนมีความตั้งใจจะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เราก็ต้องตั้งใจสอนให้นักเรียนประสบความสำเร็จให้ได้ ในที่สุดนักเรียนคนแรกของเราก็สามารถลงสู่ใต้น้ำได้อย่างไม่กลัวอีกต่อไป ดำน้ำได้อย่างสนุกสนาน หายกลัวน้ำไปเลย เค้าดีใจมากเพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะลงน้ำได้ เราก็ดีใจที่ทำให้ชีวิตคนคนนึงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีต่อใจมากๆ หลังจากนั้นก็มีนักเรียนประเภทนี้มาอีกเรื่อยๆ แล้วทุกๆ ครั้งที่เห็นรอยยิ้มของนักเรียนหลังจากจบคอร์ส มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจ และรู้สึกดีต่อใจ จริงๆ นะ
เรือปราบ 741 – ชุมพร
3. ดำน้ำช่วยตัดขาดจากโลกโซเชียล
สัญญาณ 4 G ไปไม่ถึงใต้น้ำ ถึงแม้เครือข่ายโทรศัพท์จะพัฒนาไปไกลแค่ไหน ขึ้นเขา ลงห้วยก็ยังมีสัญญาณ แต่ลงใต้น้ำไม่มีแน่นอน แล้วเราก็เอาโทรศัพท์ลงไปคุยใต้น้ำไม่ได้ด้วย ทีนี้ล่ะ การดำน้ำของเราถือเป็นการพักผ่อนจริงๆ จากโลกโซเชียล อีเมล์ โทรศัพท์จากที่ทำงานต่างๆ แล้วเราก็จะไม่โดนแฟน พ่อ แม่ ลูกค้า หรือเจ้านายว่าด้วย ว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ ก็เรารับไม่ได้นิ
4. ดำน้ำช่วยฝึกสมาธิ
หลายๆคนเป็นคนที่ทำงานเก่งมาก มีความสามารถในการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน หรือ Multitasking นั่นเอง คุณเคยสังเกตมั้ยว่าคุณจะไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้เลย เพราะคุณจะรู้สึกเสียเวลา และคุณต้องการทำอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลา เมื่อเป็นแบบนี้นานๆ เข้า คุณก็จะเป็นโรคสมาธิสั้นไปโดยไม่รู้ตัว วิธีรักษาน่ะเหรอ ไม่ง่ายเลย เพราะสิ่งเร้ามันเยอะแยะไปหมด เสียงคนกับเสียงโทรศัพท์มันอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา
ดำน้ำเป็นวิธีลัดที่จะทำให้คุณไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นนอกจากเสียงหายใจของตัวเอง คุณจะเพลิดเพลินกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไปโดยปริยาย มันจะเป็นช่วงเวลาที่คุณจะไม่ต้องคำนึงถึงว่าในอีก 5 นาทีข้างหน้าคุณจะต้องทำอะไร เพราะคุณอยู่ใต้น้ำ ทำได้อย่างเดียวคือหายใจ กับเอ็นจอยสิ่งที่คุณเห็นและเป็นอยู่ในขณะนั้น ไม่ต้องคิดเยอะให้รกสมอง
ตาลัง – หลีเป๊ะ อันดามันใต้
5. ดำน้ำช่วยเผาผลาญพลังงานประมาณ 400-500 กิโลแคลอรี่ต่อไดฟ์
ใช่ค่ะ คุณจะรู้สึกเหนื่อยมากหลังจากดำน้ำ ทั้งๆ ที่ใต้น้ำก็ไม่ร้อน อากาศก็หายใจได้เต็มปอด แต่อย่าลืมว่าร่างกายคุณมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะถ้าน้ำมีกระแสหน่อยๆ คุณจะต้องใช้พลังในการตีฟินเพื่อต้านกระแส ทำให้เหนื่อยเข้าไปอีก และการหายใจแบบเต็มๆ ปอดนี่แหละค่ะ ยิ่งช่วยให้ร่างกายเผาผลาญออกซิเจนได้ดี ถ้าคุณดำน้ำวันละ 4 ไดฟ์ คุณก็เบิร์นไปแล้วอย่างน้อย 800 กิโลแคลอรี่เลยนะ แต่ความหิวนี่แหละที่จะทำให้เรากินมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นสาวๆ ทั้งหลายต้องคอยควบคุมตัวเองไม่ให้ทานเยอะเกินกว่าปกติหลังดำน้ำนะจ๊ะ เพื่อรูปร่างที่ดีของเรา
6. ดำน้ำเป็นกีฬาที่ไม่มีการแข่งขัน
ใช่ค่ะดำน้ำเป็นกีฬา แต่ไม่มีการแข่งขันค่ะ และนี่ก็อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้มีนักดำน้ำน้อยกว่ากีฬาประเภทอื่นๆ แต่มันก็ดีต่อใจนะ เพราะไม่มีคำว่าแพ้หรือชนะ ในการดำน้ำทุกครั้ง ดังนั้นไม่ว่าเราจะอ้วน ผอม สูง เตี้ย ก็ไม่มีผลต่อการเอาชนะผู้อื่นแต่อย่างใดค่ะ
7. ดำน้ำทำให้เราได้เห็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก
เพราะโลกเราประกอบไปด้วยน้ำประมาณ 70% ของพื้นที่ทั้งหมด แล้วถ้าคุณอยากจะสำรวจโลกมากขึ้น คุณก็ต้องลงไปดูใต้น้ำค่ะ แล้วเราขอบอกเลยว่า โลกใต้น้ำนั้นมันช่างแตกต่างจากโลกบนพื้นดินอย่างสิ้นเชิง มีอะไรให้เราค้นหาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ
8. ดำน้ำช่วยทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
เพราะร่างกายเราจะได้ออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ใต้น้ำ และจิตใจเราจะมีสมาธิมากขึ้น เมื่อจิตใจเราสงบ มันก็ทำให้เรากล้าที่จะทำอะไรมากขึ้น การดำน้ำสอนให้เราต้องดูแลตัวเอง ทำให้เรามีความมั่นใจในการช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้เราอาจจะคิดอะไรหลายๆ อย่างออก หลังจากการดำน้ำก็ได้เพราะสมองเราจะโล่งมาก แล้วความคิดสร้างสรรค์หรือไอเดียต่างๆ ก็จะมา
9. ดำน้ำทำให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้นมากมายแบบไม่รู้ตัว (จริงๆนะ)
เราจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ทั้งไทยและต่างชาติ บางคนถึงกับได้แฟน และคู่ชีวิตจากการออกทริปดำน้ำเลยนะ เพื่อนคุณจะเพิ่มขึ้นมากมายในเฟสบุ๊คในช่วงระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะคนที่ขยันออกทริป คุณอาจจะมีเพื่อนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมามากกว่า 10 คนในการออกทริปแต่ละครั้งเลยก็ได้ แล้วที่สำคัญเพื่อนพวกนี้น่ะเป็นคนที่คุณจะเห็นหน้าเค้าเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดเวลา 4-5 วัน ทั้งบนบกและใต้น้ำเลย เรียกว่าเหมือนเข้าค่ายลูกเสือก็ว่าได้ ดังนั้นคุณก็จะได้เพื่อนใหม่ที่มีคุณภาพ สามารถคบหากันในระยะเวลายาวได้ค่ะ
10. รู้สึกได้ถึงสภาวะไร้น้ำหนักเมื่ออยู่ใต้น้ำ
ใช่ค่ะไม่ว่าคุณจะอ้วน หรือผอมแค่ไหน คุณไม่ต้องขึ้นไปถึงอวกาศคุณก็สามารถรับรู้ได้ถึงสภาวะไร้น้ำหนักใต้น้ำได้ เพราะน้ำมีแรงลอยตัวที่ทำให้ตัวเราลอยใต้น้ำได้ นอกจากนี้พื้นที่ในน้ำไม่มีจำกัด ดังนั้นเราจึงสามารถอยู่ในน้ำท่าไหนก็ได้ที่เราอยากทำ จะตีลังกากลับหัวก็ได้ ไม่ต้องกลัวจะเจ็บ
และนี่คือเหตุผลดีๆ 10 ข้อที่ทำให้การดำน้ำดีต่อใจ หวังว่าเราจะสามารถช่วยทำให้ผู้อ่านหลายๆ ท่านอยากหันมาดำน้ำมากขึ้นนะ
Kru.Nook @ Zanook Dive